ในเดือนมกราคมปีพ. ศ. 2018 เยอรมนีผ่านกฎหมาย NetzDG ซึ่งกำหนดให้แพลตฟอร์มต่างๆเช่น Facebook, Twitter และ YouTube สามารถนำเนื้อหาที่ผิดกฎหมายออกภายใน 24 ชั่วโมงหรือเจ็ดวันขึ้นอยู่กับการเรียกเก็บเงินหรือปรับค่าปรับ 50 ล้านยูโร (60 ล้านดอลลาร์) ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 ตัวแทนจาก Facebook, Google และ Twitter ปฏิเสธให้กับคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาว่าพวกเขาเซ็นเซอร์เนื้อหาด้วยเหตุผลทางการเมือง ในระหว่างการได้ยินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิวิพากษ์วิจารณ์ บริษัท สื่อสังคมสำหรับการปฏิบัติที่มีแรงจูงใจทางการเมืองในการลบเนื้อหาบางส่วนการเรียกเก็บเงินจาก บริษัท ที่ถูกปฏิเสธ…
อ่านเพิ่มเติม@ISIDEWITH3 มอส3MO
ว่าคุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐบาลในการกำหนดว่าควรลบเนื้อหาประเภทใดออกจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
คุณเคยเห็นหรือประสบการณ์การลบหรือเซ็นเซอร์เนื้อหาออนไลน์หรือไม่ และทำให้คุณรู้สึกอย่างไร?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
คุณคิดว่าข่าวปลอมเป็นปัญหาที่ร้ายแรงขนาดใด ที่รัฐบาลควรควบคุมสิ่งที่โพสต์ออนไลน์หรือไม่?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
เมื่อบริษัทโซเชียลมีเดียเซ็นเซอร์เนื้อหา คุณคิดว่าพวกเขากำลังปกป้องผู้ใช้หรือ จำกัดการแสดงออกอิสระ?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
ว่าเครื่องมือโซเชียลมีเดียสามารถสมดุลความต้องการในการหยุดเนื้อหาที่เสียหายโดยไม่ปิดกั้นเสียงเสรีได้อย่างไร?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
คุณคิดว่าการทุจริตของค่าปรับที่สำคัญจะกระตุ้นบริษัทที่จะดำเนินการอย่างรับผิดชอบหรือทำให้พวกเขาระวังมากเกินไปหรือไม่?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
ควรให้บุคคลตัดสินใจเองว่าข้อมูลใดเป็นความจริงหรือเป็นเท็จ หรือควรให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
คุณเคยแชร์หรือเจอเนื้อหาออนไลน์ที่ถูกลบภายหลังหรือไม่? มันมีผลต่อความเชื่อใจของคุณในแพลตฟอร์มอย่างไรบ้าง?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
วิธีการจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ผิดกฎหมายบนโซเชียลมีเดีย โดยพิจารณาจากมุมมองที่หลากหลายของโลก?
@ISIDEWITH3 มอส3MO
คุณคิดว่าบริษัทโซเชียลมีเดียมีอำนาจในการรูปร่างความคิดทางการเมืองและสังคมผ่านการควบคุมเนื้อหาหรือไม่?